แชร์

เมื่อ "งาน" กลายเป็นตัวกระตุ้นความตื่นตระหนก

อัพเดทล่าสุด: 21 ก.ค. 2025
51 ผู้เข้าชม
โรคแพนิค (Panic Disorder) คืออะไร?
โรคแพนิค เป็นโรคทางสุขภาพจิตที่มีลักษณะเด่นคือ มีอาการตื่นตระหนกเฉียบพลัน (Panic Attack) โดยไม่มีสิ่งกระตุ้นที่ชัดเจน ซึ่งอาการนี้อาจเกิดซ้ำได้เรื่อย ๆ และรุนแรงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

เมื่ออาการนี้เกิดขึ้น ในบริบทของการทำงาน เช่น ระหว่างประชุม ก่อนเข้างาน หรือระหว่างปฏิสัมพันธ์กับเจ้านาย ก็อาจเรียกว่า Work-related Panic Disorder

อาการของ Panic Attack (อาการแพนิค)
- ใจสั่น หัวใจเต้นแรงหรือเร็วผิดปกติ
- เหงื่อออก ตัวสั่น หรือหายใจไม่อิ่ม
- แน่นหน้าอก คล้ายจะขาดใจ
- วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือรู้สึกจะเป็นลม
- กลัวตาย หรือรู้สึกเหมือนกำลังจะบ้า
- รู้สึกแยกตัวออกจากความจริง (derealization)

อาการมักเกิดขึ้นทันที และพีคสุดใน 10 นาทีแรก

️ อาการที่เชื่อมโยงกับ "งาน"
- เกิดอาการทุกครั้งก่อนเริ่มงานหรือประชุม
- แค่คิดถึงที่ทำงานก็รู้สึกใจเต้นแรงหรือคลื่นไส้
- หลีกเลี่ยงการพูดต่อหน้าคนในที่ทำงาน ทั้งที่เคยทำได้
- เริ่มขอลาหยุดบ่อย หรือลาออกบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
- รู้สึกกลัวผิดพลาด กลัวถูกตำหนิ จนนอนไม่หลับ

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
- สภาพแวดล้อมการทำงานที่กดดันสูง
- วัฒนธรรมองค์กรที่มีการแข่งขันรุนแรง
- การกลั่นแกล้งในที่ทำงาน (Workplace bullying)
- ปริมาณงานมากเกินไป และไม่มีเวลาพัก
- บุคลิกภาพแบบ perfectionist หรือกลัวความล้มเหลว
- เคยมีประสบการณ์โรคแพนิคหรือโรควิตกกังวลมาก่อน

วิธีดูแลและแนวทางรักษา
1. พบจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัย
เพราะอาการคล้ายโรคหัวใจหรือโรคทางกาย จึงควรตรวจให้แน่ใจ และเริ่มแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

2. การบำบัดทางจิต (CBT Cognitive Behavioral Therapy)
ช่วยให้เข้าใจความคิด ความรู้สึก และเปลี่ยนวิธีตอบสนองต่อความเครียดจากงาน

3. ใช้ยา (ในบางกรณี)
เช่น ยาคลายกังวล หรือยาต้านซึมเศร้า ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

4. การฝึกผ่อนคลาย
เช่น การฝึกหายใจลึก ๆ (deep breathing), การทำสมาธิ (mindfulness), หรือโยคะ

5. จัดการ Work-life balance
หาวิธีลดแรงกดดันจากงาน เช่น ขอปรับตารางงาน ขอสนับสนุนจากหัวหน้างาน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน

สรุป:
โรคแพนิคที่เกี่ยวข้องกับงาน ไม่ใช่ อาการคิดมาก แต่เป็นปัญหาทางสุขภาพจิตที่ต้องการการดูแลอย่างจริงจัง
หากคุณหรือคนรอบข้างมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามและส่งผลกระทบต่อชีวิตและหน้าที่การงานในระยะยาว

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ