อัปเดตสถานการณ์โควิด-19 มิถุนายน 2025: สายพันธุ์ NB.1.8.1 และ XEC กำลังระบาดในไทย
อัพเดทล่าสุด: 18 มิ.ย. 2025
120 ผู้เข้าชม
สายพันธุ์ที่กำลังระบาด: NB.1.8.1 และ XEC
NB.1.8.1 (ชื่อเล่น: Nimbus): เป็นสายพันธุ์ลูกหลานของ Omicron JN.1 ที่มีการกลายพันธุ์ในโปรตีนหนาม ทำให้สามารถเกาะติดเซลล์มนุษย์ได้แน่นหนาขึ้น ส่งผลให้แพร่กระจายได้ง่ายกว่าเดิม แม้จะไม่พบว่าทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น แต่การติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ รวมถึงไทย
XEC: เป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ถึง 7 เท่า แต่โดยทั่วไปทำให้เกิดอาการไม่รุนแรง เช่น ไข้ต่ำ ไอ เจ็บคอ และอ่อนเพลีย
อาการที่ควรระวัง
- เจ็บคอรุนแรง (บางรายอธิบายว่าเหมือนมีของมีคมบาดคอ)
- ไอแห้งหรือไอมีเสมหะ
- ไข้ต่ำถึงสูง
- อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- ในบางรายอาจมีอาการทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ หรือท้องเสีย
การตรวจและการรักษา
- ผู้ที่มีอาการควรตรวจ ATK หรือพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ
- ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถรักษาตามอาการ เช่น พักผ่อน ดื่มน้ำมาก ๆ และใช้ยาลดไข้หรือยาบรรเทาอาการไอ
- กลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้มีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการ
️ แนวทางป้องกันที่แนะนำ
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรือสถานที่แออัด
- ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วย
- รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข
- หากมีอาการป่วย ควรพักรักษาตัวอยู่บ้านและหลีกเลี่ยงการพบปะผู้อื่น
แม้ว่าอาการของสายพันธุ์ใหม่จะไม่รุนแรงในผู้ป่วยส่วนใหญ่ แต่การแพร่กระจายที่รวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและกลุ่มเสี่ยงได้ การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและการรับวัคซีนยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมการระบาดในครั้งนี้
NB.1.8.1 (ชื่อเล่น: Nimbus): เป็นสายพันธุ์ลูกหลานของ Omicron JN.1 ที่มีการกลายพันธุ์ในโปรตีนหนาม ทำให้สามารถเกาะติดเซลล์มนุษย์ได้แน่นหนาขึ้น ส่งผลให้แพร่กระจายได้ง่ายกว่าเดิม แม้จะไม่พบว่าทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น แต่การติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ รวมถึงไทย
XEC: เป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ถึง 7 เท่า แต่โดยทั่วไปทำให้เกิดอาการไม่รุนแรง เช่น ไข้ต่ำ ไอ เจ็บคอ และอ่อนเพลีย
อาการที่ควรระวัง
- เจ็บคอรุนแรง (บางรายอธิบายว่าเหมือนมีของมีคมบาดคอ)
- ไอแห้งหรือไอมีเสมหะ
- ไข้ต่ำถึงสูง
- อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- ในบางรายอาจมีอาการทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ หรือท้องเสีย
การตรวจและการรักษา
- ผู้ที่มีอาการควรตรวจ ATK หรือพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ
- ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถรักษาตามอาการ เช่น พักผ่อน ดื่มน้ำมาก ๆ และใช้ยาลดไข้หรือยาบรรเทาอาการไอ
- กลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้มีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการ
️ แนวทางป้องกันที่แนะนำ
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรือสถานที่แออัด
- ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วย
- รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข
- หากมีอาการป่วย ควรพักรักษาตัวอยู่บ้านและหลีกเลี่ยงการพบปะผู้อื่น
แม้ว่าอาการของสายพันธุ์ใหม่จะไม่รุนแรงในผู้ป่วยส่วนใหญ่ แต่การแพร่กระจายที่รวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและกลุ่มเสี่ยงได้ การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและการรับวัคซีนยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมการระบาดในครั้งนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง